กรุงเทพฯ 10 ตุลาคม 2567 – เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด และบริษัท เจียไต๋ จำกัด ได้ประกาศความร่วมมือในการยกระดับการเกษตรของไทย โดยมีนายเรียวสุเกะ ยามากุจิ ประธานบริษัท บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด และนายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจียไต๋ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยมีวัตถุประสงค์ในการร่วมกันพัฒนาศักยภาพ และแก้ไขปัญหาของเกษตรกรอย่างครบวงจร เพื่อยกระดับการทำการเกษตรของไทย ในงานครบรอบ 45 ปี ยันมาร์ โชว์ เฟส 2024 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติไคซ์ จังหวัดขอนแก่น
นายเรียวสุเกะ ยามากุจิ ประธานบริษัท บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “กลุ่มบริษัท เจียไต๋ เป็นบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจต่างๆ ในภาคการเกษตร มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในขณะที่บริษัทยันม่าร์ เองนั้น ก็เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร เช่น แทรกเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซล และอุปกรณ์ต่อพ่วง ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนากระบวนการเพาะปลูกและการทำเกษตรกรรมสมัยใหม่ มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันที่ช่วยให้เกษตรกรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของกันและกันเพื่อนำเสนอโซลูชั่นนวัตกรรมในภาคการเกษตรผ่านความร่วมมือนี้ ในขั้นตอนแรกของความร่วมมือนี้ เราจะเริ่มจำหน่ายโดรนและระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตทางการเกษตร และในอนาคต เรามีแผนที่จะสำรวจความร่วมมือเพิ่มเติมในภาคการเกษตรและเติบโตเป็นพันธมิตรที่มอบโซลูชั่นที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”
นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า “เจียไต๋ในบทบาทของผู้ส่งมอบสูตรสำเร็จทางการเกษตร หรือ โซลูชัน โพรไวเดอร์ ได้เสาะหาเทคโนโลยีการเกษตรใหม่ๆ ที่ล้ำสมัยเพื่อมาเสริมประสิทธิภาพให้กับโซลูชันเจียไต๋ อาทิเช่น โดรนและเครื่องจักรการเกษตร ที่เป็นจิกซอว์ชิ้นสำคัญ ในการเชื่อมโยงธุรกิจปัจจัยการผลิตของเจียไต๋ทั้งเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และผลิตภัณฑ์อารักขาพืช ไปสู่ภาคเกษตรกรรมไทยที่เป็นมืออาชีพและสมาร์ทมากขึ้นไปอีกขั้น โดยความร่วมมือกับยันม่าร์ในครั้งนี้ มุ่งเป้าหมายในการผนึกการใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ รวมถึงทรัพยากรของสององค์กรที่มีความเชี่ยวชาญและความแข็งแกร่งในวงการเกษตรไทยเข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพ และแก้ไขปัญหาของเกษตรกรไทยอย่างครบวงจร และเพื่อประโยชน์สูงสุดของภาคการเกษตรไทย นอกจากนี้ ยังสร้างความมั่นคงทางอาหารให้ผู้บริโภคอย่างยั่งยืน”