ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นพืชเศรษฐกิจ ที่จัดอยู่ในกลุ่มพืชที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคปศุสัตว์ โดยผลผลิตที่ได้เกือบทั้งหมด ปริมาณร้อยละ 95 ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ จึงทำให้ความต้องการใช้ข้าวโพดในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น หลังจากที่มีการขยายการเลี้ยงสัตว์ จึงทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ให้ความสนใจปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้นำองค์ความรู้และนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาช่วย ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสม หรือเกษตรกรบางรายสามารถปลูกได้ผลผลิตต่อไร่สูงเพราะมีการวางแผนและการจัดการที่ดี
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เกษตรกรส่วนใหญ่ทำการเพาะปลูกในช่วง 2 ฤดูกาล คือข้าวโพด ฤดูฝน จะปลูกช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน และข้าวโพดฤดูแล้ง จะปลูกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ และเก็บเกี่ยวช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ซึ่งในช่วงแล้งหากปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอจะเกิดความเสียหายต่อต้นข้าวโพดและทำให้ผลผลิตลดลง แต่หากเกษตรกรมีการวางแผนการปลูกที่ดี พร้อมทั้งใช้ระบบน้ำหยดเข้ามาช่วยเสริม จะช่วยให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีคุณภาพ และปริมาณต่อไร่เพิ่มสูงขึ้น
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ด้วยระบบน้ำหยด
วันนี้จะพาทุกท่านมารู้จักกับเกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรง เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในเรื่องของการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นอย่างมาก นั่นคือ คุณศักดา สว่างศรี เจ้าของแปลงข้าวโพดตั้งอยู่ที่ตำบลหนองมะค่าโมง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ผลผลิตมากกว่า 2 ตันต่อไร่ โดยคุณศักดาลงมือปฏิบัติเองอย่างจริงจัง ทั้งการนำองค์ความรู้และหลักวิชาการสมัยใหม่เข้ามาช่วย ส่งผลให้การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากและมีผลผลิตต่อไร่ที่สูงขึ้น
การปรับตัว เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
ช่วยให้มีผลผลิตดี ปริมาณต่อไร่เพิ่มขึ้น
เริ่มแรกเดิมทีนั้นครอบครัวของคุณศักดาทำการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาก่อน ในช่วงสมัยนั้นการทำเกษตรจะเน้นพึ่งพาแต่แหล่งน้ำจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว นั้นก็คือการปลูกข้าวโพดฤดูฝน แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปมาก ฝนไม่ตกตามฤดูกาลเท่าที่ควรจะเป็น จึงทำให้การปลูกข้าวโพดฤดูฝนได้ผลผลิตต่อไร่ลดลง
หลังจากที่คุณศักดาได้เข้ามามีบทบาทในการทำเกษตรต่อจากครอบครัว ได้เล็งเห็นถึงปัญหาเหล่านั้น จึงได้นำระบบน้ำหยดเข้ามาใช้อีกหนึ่งช่องทาง แทนที่จะรอน้ำฝนเพียงอย่างเดียว รวมไปถึงการทดลองใช้ปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบเก่าๆที่ทำมา การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของคุณศักดาจึงได้ผลผลิตต่อไร่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 300-500 กิโลกรัม ซึ่งการพิสูจน์ตัวเองใช้เวลาเพียง 1 รอบการปลูกเท่านั้นจนได้รับการยอมรับจากครอบครัว
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฝักโต เมล็ดเต็ม
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบฉบับของคุณศักดามีใช้ระบบน้ำหยดเสริมเข้ามาช่วย จึงทำให้ปริมาณของผลผลิตมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก อย่างการปลูกด้วยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถควบคุมในเรื่องของปริมาณน้ำ ผลผลิตที่ได้จะอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ถ้าใช้เป็นระบบน้ำหยดร่วมด้วย จะได้ผลผลิตอยู่ที่ 1,800-2,000 กิโลกรัมต่อไร่” คุณศักดา บอกถึงความแตกต่างของผลผลิตที่ได้
เตรียมดินดี ตั้งแต่ครั้งแรกที่ปลูก
ต้นข้าวโพดได้ธาตุอาหารอย่างเต็มที่
ในขั้นตอนของการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้น คุณศักดา เล่าถึงขั้นตอนการเตรียมแปลงปลูกว่า หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วจะทำการไถผาน 3 พร้อมกับตากดินทิ้งไว้ 5-7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำลายวัชพืช โรคแมลง และสัตว์ศัตรูพืชที่อาศัยอยู่ในดิน จากนั้นไถผาน 7 พร้อมกับปั่นดินเพื่อให้ดินมีความละเอียดและร่วนซุย เมื่อเตรียมดินภายในแปลงให้พร้อมปลูกแล้ว จะทำการยกร่องแปลงปลูกให้ระยะห่างระหว่างแถวอยู่ที่ 75 เซนติเมตร และปลูกด้วยรถไถที่สามารถการหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดพร้อมกับใส่ปุ๋ยรองพื้น ด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 40-50 กิโลกรัมต่อไร่ เพราะการใส่ปุ๋ยรองพื้นจะช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดินและจะช่วยให้ต้นข้าวโพดโตไว ใบเขียว รากแตกแขนงดี ทำให้ต้นแข็งแรงไม่ล้มง่าย
เกษตรกรเทปุ๋ยลงรถไถ
“หลังจากที่ทำการหยอดเมล็ดพันธุ์ พร้อมวางสายน้ำหยด ระหว่างรอให้เมล็ดงอก ผมจะเริ่มให้น้ำต่อล็อกครั้งแรก รอบละ 4-5 ชั่วโมง หลังจากเมล็ดงอกแล้วผ่านไป 4-5 วัน ผมก็จะให้น้ำอีกครั้งหนึ่งแบบชุ่มเลย ต่อไปก็ให้น้ำทุก 3-5 วันครั้ง พร้อมกับลดรอบเวลาลง จะเหลืออยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมงต่อรอบ ให้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกล้าข้าวโพดได้อายุ 100 วัน"
การให้น้ำและปุ๋ยผ่านทางสายน้ำหยด
เทคนิคการบำรุงต้นข้าวโพด
ใส่ปุ๋ยครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ
ช่วยให้พืชได้ธาตุอาหารต่อเนื่อง
ในการเพาะปลูกข้าวเลี้ยงสัตว์นั้น ปัญหาที่ต้องเจอและหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือวัชพืชและแมลงศัตรูพืช คุณศักดา บอกว่า หลังจากที่ปลูกข้าวโพดได้ 15 วันแล้ว จะฉีดพ่นสารเพื่อกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืชทันที โดยใช้ คลีโอ-โปร ผสมกับผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงศัตรูพืช เพื่อให้สารเข้าไปกำจัดวัชพืชทั้งใบแคบและใบกว้างที่กำลังจะงอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญ คลีโอ-โปร ยังใช้งานสะดวกสามารถพ่นทับไปกับต้นข้าวโพดได้ โดยวัชพืชตายแต่ต้นข้าวโพดไม่เกิดความเสียหาย
ต้นข้าวโพดสมบูรณ์ใบเขียว
สำหรับการบำรุงเพื่อให้ต้นข้าวโพดสมบูรณ์ จากประสบการณ์ที่ได้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มา คุณศักดา บอกว่า การใส่ปุ๋ยต้องอาศัยการสังเกตเข้ามาช่วย เพราะต้องหมั่นดูต้นข้าวโพดอยู่เสมอ ว่ามีแสดงอาการขาดธาตุอาหารจากทางใบหรือไม่ อย่างเช่น ใบเหลือง เมื่อเห็นเด่นชัดก็ใส่ปุ๋ยตามที่พืชต้องการได้ทันที การปลูกแบบระบบน้ำหยดสามารถให้ปุ๋ยได้โดยตรงกับต้นข้าวโพด โดยจะเน้นให้แบบครั้งละน้อยๆ แต่ให้บ่อยๆ เพื่อที่ต้นข้าวโพดค่อยๆ นำธาตุอาหารไปใช้ได้ต่อเนื่อง ดังนั้น การใส่ปุ๋ยด้วยวิธีนี้ต้นข้าวโพดจะได้รับธาตุอาหารโดยตรง สามารถดูดซับได้อย่างเต็มที่
การให้ปุ๋ยช่วงข้าวโพดต้นเล็ก (อายุ 15-20 วัน) จะบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับปุ๋ยเกล็ดสูตร 21-21-21 อัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ (ในสัดส่วน 2 ต่อ 1) โดยละลายปุ๋ยทั้ง 2 สูตรให้ผ่านทางระบบน้ำหยดได้ทันที
หลังจากนั้นจะบำรุงอีกครั้งช่วงข้าวโพดทำรุ่น (อายุ 30 วัน) โดยใช้ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 ผสมกับ ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 (ในสัดส่วน 1 ต่อ 1) อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ ช่วยบำรุงลำต้นให้ใหญ่ ใบเขียวทน เพื่อที่จะมีความแข็งแรงเตรียมพร้อมสำหรับการออกดอกติดฝักต่อไป
ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0
ผสมกับ ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่
เมื่อเข้าสู่ระยะข้าวโพดแต่งหน้า (อายุ 50 วัน) จะใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ จากนั้นสังเกตดูใบของต้นข้าวโพดประมาณ 10 วัน ถ้ายังแสดงใบเหลืองให้เห็น จะใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อช่วยให้ต้นข้าวโพดติดฝักได้ดี ฝักใหญ่ เมล็ดเต็ม และได้น้ำหนัก
ใส่ปุ๋ยผ่านระบบน้ำหยด
คุณศักดา ยังเผยอีกด้วยว่า จากที่ได้ทดลองใช้ปุ๋ยตรากระต่ายมาตลอด ทำให้ได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีทั้งในเรื่องของการทำให้ต้นข้าวโพดมีใบที่เขียวดี และปริมาณผลผลิตที่ได้ก็สูงกว่าปกติ อีกทั้งใช้กับเครื่องหว่านปุ๋ยหรือเครื่องหยอด เม็ดปุ๋ยก็ไม่ติดเครื่อง หรือไม่แตกเป็นผงแบบแบรนด์อื่นที่เคยใช้มา
ต้นข้าวโพดสมบูรณ์ มีใบเขียว และปริมาณผลผลิตที่ได้สูง
ผลผลิตคุณภาพ ได้ราคาต่อไร่สูง
ทำให้มีกำไรมากขึ้น ต่อรอบการผลิต
ในแปลงปลูกข้าวโพดของคุณศักดาไม่ได้มีเพียงแต่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพียงอย่างเดียว ในพื้นที่ทั้งหมด 120 ไร่ แบ่งพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จำนวน 100 ไร่ และปลูกข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์จำนวน 20 ไร่ สาเหตุที่เลือกปลูกข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์น้อยกว่า เพราะการปลูกข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์ต้องใช้การดูแลที่ค่อนข้างละเอียดกว่า พร้อมทั้งใช้แรงงานที่มากกว่า ส่วนใหญ่จึงเน้นปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มากกว่า เพราะถึงจะได้ราคาขายที่น้อยกว่าการปลูกข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์ แต่ในเรื่องของจัดการสบายกว่ามาก เพราะหลังจากหยอดเมล็ดแล้ว จะให้น้ำและปุ๋ยเพียงอย่างเดียว เมื่อข้าวโพดได้อายุเก็บเกี่ยวสามารถเก็บผลผลิตได้ทันที
แต่คุณศักดาก็ยังมีมุมมองว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์ควรปลูกควบคู่กันไป เพราะหากราคาผลผลิตชนิดใดถูกลง ก็ยังมีผลผลิตตัวอื่นที่สามารถทำให้มีผลกำไรสมดุลหรือมาทดแทนกัน
ต้นข้าวโพดสมบูรณ์ พร้อมออกฝักใหญ่
สำหรับการเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกทั้งหมด คุณศักดา บอกว่า หลังปลูกได้อายุประมาณ 120 วัน ข้าวโพดจะพร้อมเก็บเกี่ยวได้ โดยใช้เครื่องที่สามารถหักข้าวโพดพร้อมนวดออกมาเป็นเมล็ด ซึ่งราคารับซื้ออยู่ที่ 9-10 บาทต่อกิโลกรัม ถ้าคิดเป็นเงินจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทต่อไร่
ส่วนในเรื่องของการเก็บเกี่ยวข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์ ต้องใช้แรงงานคนจึงจะทำให้ฝักข้าวโพดที่ได้ไม่เกิดการแตกหักหรือเสียหาย และช่วยให้เมล็ดข้าวโพดมีเปอร์เซ็นต์การงอกที่ดี โดยราคารับซื้อเมล็ดข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์อยู่ที่กิโลกรัมละ 17 บาท แม้ราคารับซื้อข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์จะได้ราคาที่ดีกว่า แต่คุณศักดาบอกว่ายังเลือกที่จะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มากกว่าอยู่ดี เพราะไม่มีต้นทุนในการใช้แรงงานมากเหมือนการปลูกข้าวโพดพ่อแม่พันธุ์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฝักสวยได้คุณภาพ
พื้นที่ปลูกข้าวโพดกว่า 120 ไร่
ใช้เทคโนโลยีการเกษตรเข้ามา
ช่วยประหยัดเวลา และทำงานได้ง่ายขึ้น
เพราะความเป็นคนรุ่นใหม่และใส่ใจในเรื่องของเทคโนโลยี คุณศักดา บอกว่า จึงนำเครื่องมือสมัยใหม่เข้ามาช่วยทำการเกษตรให้ง่ายขึ้น คือนำเครื่องทุ่นแรงมาปรับใช้ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นรถไถต่างๆ ที่นำมาใช้เรื่องของการเตรียมแปลงปลูก ตลอดไปจนถึงในเรื่องของการนำรถเกี่ยวนวดเข้ามาช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิต
นอกจากนี้ยังนำโดรนเพื่อการเกษตร มาปรับใช้ภายในแปลงปลูกข้าวโพด เพราะมีระบบการทำงานที่ไวและแม่นยำ จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการฉีดพ่นยาของแปลงปลูกข้าวโพดทั้งหมด เพราะนอกจากประหยัดในเรื่องของเวลาแล้ว ยังเหมาะกับยุคนี้ที่แรงงานขาดแคลน จึงทำให้สามารถนำโดรนไปรับจ้างฉีดพ่นยาให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ ได้ เพื่อทดแทนการใช้แรงงานคน โดยราคาค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ไร่ละ 70 บาท ใน 1 วัน สามารถรับจ้างแบบทั่วไปได้มากกว่า 100 ไร่ จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างรายได้ที่นอกเหนือจากการใช้งานในพื้นที่ของคุณศักดาได้เป็นอย่างดี
นำโดรน มาปรับใช้ภายในแปลงปลูกข้าวโพด
“การรับจ้างฉีดยาด้วยโดรนของผม มีตั้งแต่ให้ผมเตรียมทุกอย่างไปให้ กับเกษตรกร บางท่านจะเตรียมเคมีภัณฑ์ไว้เอง ผมจะคิดแต่ค่าฉีดพ่นเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ผมสามารถมีรายได้จากตรงนี้เข้ามาอีกทาง เป็นรายได้ที่ได้นอกเหนือจากที่ทำภายในพื้นที่ของผมเอง” คุณศักดา บอกข้อดีของการนำโดรนเข้ามาใช้ในงานเกษตร
จากความสำเร็จที่เห็นได้อย่างชัดเจนนี้เอง คุณศักดาจึงถือเป็นเกษตรกรตัวอย่างที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดกับวิธีการปฏิบัติแบบเดิมๆ บวกกับชอบทดลองและลงมือทำด้วยตัวเอง จึงทำให้คุณศักดามีหลักการและแนวคิดหาเคล็ดลับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใส่ปุ๋ยบำรุงต้นครั้งละน้อยๆ แต่ใส่บ่อยๆ พืชจึงสามารถนำธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นได้ว่าการให้ปุ๋ยไม่ต้องเยอะเกินความจำเป็น แต่การให้ทุกครั้งต้องเป็นการให้ที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ได้มากกว่า 2 ตันต่อไร่ หากยึดหลักของคุณศักดาแล้ว ผลผลิตดีมีคุณภาพจำนวนต่อไร่เพิ่มขึ้น ทำได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
เคล็ดลับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ได้ผลผลิตที่ดี ของคุณศักดา
สามารถติดตามสาระเกษตรน่ารู้ ได้ที่
คลิก “ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ได้ผลผลิตสูงต่อไร่ ฝักโต เมล็ดเต็ม”
ติดตามข่าวสารอื่นๆ ข้อมูลสินค้า และข่าวสารจากปุ๋ยตรากระต่าย เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: www.facebook.com/puitrakratai/
YouTube: www.youtube.com/c/Puitrakratai
TikTok: https://www.tiktok.com/@puitrakratai
ข้อมูลสินค้าปุ๋ยตรากระต่าย : ปุ๋ยตรากระต่าย สำหรับข้าวและพืชไร่ l เจียไต๋ (chiataigroup.com)