“ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์” เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ผลผลิตเกือบทั้งหมดใช้เป็นวัตถุดิบหลักในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์ (ข้อมูล:สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จึงเป็นพืชทางเลือกที่มีอนาคตสดใส เพราะราคาไม่ค่อยผันผวน มีตลาดรองรับที่แน่นอน สร้างรายได้อย่างยั่งยืนได้ไม่แพ้พืชชนิดอื่น
คุณมาร์ค หรือ คุณพิตตินันท์ แก้วเกิด วัย 31 ปี เป็นคนรุ่นใหม่ที่หันมาทำอาชีพเกษตร บนที่ดิน 140 ไร่ ในพื้นที่ตำบลเขาชายธง อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ คุณมาร์คประสบความสำเร็จในการทำไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ระบบน้ำหยด สามารถเพาะปลูกได้ปีละ 3 รอบ ได้ผลผลิตสูงถึงไร่ละ 2.6 ตัน ตามไปดูแนวคิด-เคล็ดลับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของคุณมาร์ค ว่าเขามีวิธีการอย่างไร ให้ได้ผลผลิตเต็มไร่ รวมทั้งเคล็ดลับการปลูกอ้อยให้ปล้องใหญ่ ค่าความหวาน (c.c.s.) สูง ได้ผลผลิต 21 ตันต่อไร่ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
แปลงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ระยะออกดอก
หนุ่ม Gen Y เปิดรับเทคโนโลยีสมัยใหม่
เรียนรู้ ทดลอง จนก้าวเป็นเกษตรกรมืออาชีพ
คุณมาร์คตัดสินใจลาออกจากเป็นพนักงานออฟฟิศ กลับบ้านเกิด เพื่อสืบทอดอาชีพเกษตรจากรุ่นพ่อแม่ ในระยะหลัง ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น พื้นที่ที่เคยอุดมสมบูรณ์ประสบปัญหาภัยแล้งจากภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนานขึ้น ทำให้พืชขาดน้ำ ชะงักการเติบโต และได้ผลผลิตน้อยลงกว่าเดิม คุณมาร์คจึงหันมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นพืชที่เหมาะจะปลูกในพื้นที่ และหากมีการดูแลที่ดีก็สามารถให้ผลผลิตสูงได้
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของคุณมาร์ค แตกต่างกับสิ่งที่พ่อแม่ทำ เพราะ รุ่นพ่อแม่แทบไม่มีการใช้ยา และไม่มีการใช้ระบบน้ำ มาในรุ่นของคุณมาร์ค เป็นคนชอบทดลองหาข้อมูล จึงนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเพาะปลูก รวมทั้งมีการจัดการพื้นที่และใส่ใจกับเรื่องการให้น้ำเป็นอย่างมากโดยนำระบบน้ำหยดเข้ามาใช้ และบำรุงธาตุอาหารที่ตรงกับความต้องการของพืชสามารถเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี
คุณมาร์คเล่าว่า “การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่ละรอบการผลผลิตจะได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณฝนจะมาเร็วหรือช้า หากเริ่มปลูกเดือนพฤษาคมใช้ระยะเวลา 100-105 วัน หลังเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว จะเว้นระยะประมาณ 10-15 วัน จึงเริ่มปลูกรอบใหม่ ซึ่งการวางแผนการปลูกแบบนี้ สามารถปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้ปีละ 3 รอบ ทุกวันนี้ อุปสรรคสำคัญต่อการทำเกษตรก็คือ ปัญหาฝนแล้ง การแพร่ระบาดของโรคพืชและแมลงศัตรูพืชเพิ่มมากขึ้น เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จึงปรับรูปแบบและวางแผนการปลูกใหม่ให้สอดคล้องและมีประสิทธิภาพ โดยทั้งสามรอบใช้ระบบน้ำหยดเข้ามาช่วยในการเพาะปลูก”
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฝักโต เมล็ดเต็ม น้ำหนักดี
เตรียมแปลงปลูกดี
ข้าวโพดฝักใหญ่ เมล็ดเต็ม ผลผลิตสูงกว่า 2.6ตัน/ไร่
ทุกวันนี้ คุณมาร์คมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รวมทั้งสิ้น 140 ไร่ มีผลผลิตหมุนเวียนออกมาขาย สร้างรายได้ตลอดทั้งปี เพราะทยอยปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ครั้งละ 10 ไร่ แบ่งพื้นที่เป็น 4 ล๊อค ล๊อคละ 2.5 ไร่ และทยอยปลูกจนเต็มพื้นที่ เพื่อความสะดวกในการใช้เครื่องจักรในการเตรียมดินปลูก การบริหารจัดการระบบน้ำหยด และการเก็บเกี่ยว
คุณมาร์คเชื่อว่าผลผลิตที่ดีเริ่มจากการเตรียมแปลงที่ดี เมื่อบำรุงดินให้มีความสมบูรณ์และมีธาตุอาหารเพียงพอ จะทำให้ข้าวโพดเจริญเติบโตได้ดี จึงใส่ใจดูแลขั้นตอนการเตรียมแปลงเป็นพิเศษ หลังเก็บเกี่ยวทุกครั้ง จะเริ่มเตรียมแปลงครั้งใหม่โดยใช้ผาน 3 ไถบุกเบิกดินลึกประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อเติมอากาศและพรวนดินก้อนใหญ่ให้เป็นก้อนเล็ก ช่วยให้รากแตกตัวและฝังลงดินได้ดี หลังจากนั้นไถผาน 7 เพื่อย่อยดินให้ละเอียด ช่วยระบายน้ำได้ดี เวลาให้น้ำ ดินจะดูดซับความชื้นได้ดียิ่งขึ้น และจะใช้ไถผาน 20 ทับอีกรอบ เพื่อให้ดินป่น ร่วนซุย รากแตกแขนงได้ดี ทำให้ต้นข้าวโพดแข็งแรงไม่ล้มง่าย
เครื่องจักรยกร่องแปลงปลูกข้าวโพด
หลังเตรียมแปลงเสร็จ คุณมาร์คจะตากดินนาน 15 วัน เพื่อพักหน้าดิน และฆ่าเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ใต้ดิน หลังจากนั้นใช้เครื่องจักรยกร่อง โดยเว้นระยะห่างระหว่างร่อง 70 เซนติเมตร ระหว่างต้น 25 เซนติเมตร และรองพื้นด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 25-30 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อเพิ่มธาตุอาหารและบำรุงดิน พร้อมหยอดเมล็ดพันธุ์
คุณมาร์คใช้เครื่องจักรใส่ปุ๋ยรองพื้นพร้อมหยอดเมล็ดพันธุ์
ใช้ระบบน้ำหยด เพิ่มผลผลิตต่อไร่
พืชไม่ขาดน้ำ ได้รับธาตุอาหารสม่ำเสมอ
เกษตรกรส่วนใหญ่เลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูฝนและฤดูแล้ง แบบปล่อยตามธรรมชาติ โดยอาศัยเพียงน้ำฝน เพราะไม่ต้องจัดการเรื่องน้ำ เมื่อประสบปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน ภาวะฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง มักเจอปัญหาผลผลิตตกต่ำ และไม่ได้คุณภาพ เช่น เมล็ดลีบ ฝักแกรน
“น้ำ” คือหัวใจสำคัญในการเจริญเติบโตของพืช คุณมาร์คจึงริเริ่มนำระบบ “น้ำหยด” มาใช้ในแปลง ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดการใช้แรงงานคน แล้วการวางสายน้ำหยดกลางร่อง สามารถควบคุมการให้น้ำและให้ปุ๋ยในข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้อย่างสม่ำเสมอ สามารถควบคุมความชื้นและระดับธาตุอาหารในดิน ลดความเสี่ยงที่เกิดจากสภาพอากาศ ทำให้แปลงปลูกข้าวโพดมีผลผลิตสูงกว่า 2.6 ตันต่อไร่
คนงานกำลังวางระบบน้ำหยดกลางร่องข้าวโพด
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณมาร์ค คือการให้น้ำ และต้องให้น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากหยอดเมล็ดพันธุ์แล้ว จะให้น้ำนานประมาณ 6-12 ชั่วโมงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดินเป็นหลัก หลังจากนั้นอีก 3 วันจึงให้น้ำอีกครั้ง ประมาณ 3-6 ชั่วโมง เพื่อดินชุ่มชื้นและให้แน่ใจว่าเมล็ดพันธุ์ที่ได้หยอดไปนั้นงอก พอข้าวโพดอายุได้ 20 วันจะเริ่มให้น้ำวันละ 12 ชั่วโมง สุดท้ายเมื่อข้าวโพดอายุได้ 55 วัน จะให้น้ำทุกๆ 4 วัน ให้น้ำครั้งละ 1 ชั่วโมงไปจนถึงข้าวโพดอายุได้ 100 วัน หลังจากนั้นหยุดการให้น้ำ เพื่อให้ข้าวโพดแห้งพร้อมเก็บเกี่ยว
“สมัยนี้หากใครทำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้วไม่มีระบบน้ำหยด เสี่ยงขาดทุนสูงถึง 70% เพราะการให้น้ำอย่างต่อเนื่อง เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ก่อนหน้านี้ผมเคยทดลองเปรียบเทียบผลผลิตข้าวโพดหน้าฝน ที่ปลูกโดยอาศัยน้ำฝนธรรมชาติอย่างเดียว กับข้าวโพดหน้าฝนที่ให้น้ำผ่านระบบน้ำหยดร่วมด้วย พบว่า ข้าวโพดที่ปลูกด้วยระบบน้ำหยดให้ผลผลิตสูงกว่าประมาณ 500 กิโลกรัมต่อไร่ ” คุณมาร์คกล่าว
การวางสายน้ำหยดกลางร่อง ข้าวโพดจะได้รับน้ำและให้ปุ๋ยสม่ำเสมอ
ปุ๋ยกระต่าย ปุ๋ยอันดับ1 ในใจ
พืชงอกไว เติบโตสม่ำเสมอ
หลังจากคุณมาร์คเข้ามาสานต่อการทำไร่จากพ่อแม่ ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเพาะปลูก ตลอดจนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ แต่สิ่งหนึ่งที่เกษตรกรหนุ่มไฟแรงคนนี้ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน คือ “ปุ๋ยตรากระต่าย”
“ครอบครัวผมใช้ปุ๋ยตรากระต่ายบำรุงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ จะเห็นได้ชัดเจนว่าต้นข้าวโพดงอกไว เติบโตสม่ำเสมอ ใบเขียวนาน ฝักใหญ่ เต็มเมล็ด น้ำหนักดี คุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด” คุณมาร์คกล่าว
คุณมาร์คให้ความสำคัญกับการใส่ปุ๋ย โดยบำรุงทั้งหมด 3 รอบ เพื่อให้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้รับธาตุอาหารเพียงพอและเหมาะกับแต่ละระยะการเจริญเติบโต
เริ่มตั้งแต่ช่วงข้าวโพดทำรุ่น (อายุ 20-25 วัน) จะใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 15 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมร่วมกับปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 อัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ (สัดส่วน 3:1) เพื่อบำรุงให้ลำต้นใหญ่ ใบเขียวทน เตรียมพร้อมที่จะออกดอกและติดฝัก โดยคุณมาร์คจะใช้รถไถคันเล็กต่อถังหว่านปุ๋ย ในการให้ปุ๋ยพร้อมไถกลบวัชพืช ซี่งวิธีนี้ยังช่วยพูนโคนต้นข้าวโพด ทำให้ต้นไม่ล้มง่ายอีกด้วยเริ่ม
ช่วงข้าวโพดทำรุ่น ใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15
และ สูตร 46-0-0 เพื่อบำรุงให้ลำต้นใหญ่ ใบเขียวทน
ส่วนข้าวโพดช่วงแต่งหน้า (อายุ 40-45 วัน) จะใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 อัตรา 12.5 กิโลกรัม ละลายในน้ำปริมาณ 200 ลิตรต่อไร่ ให้ผ่านทางสายน้ำหยด ช่วยทำให้ติดฝักดี เมล็ดเต็มฝัก
เมื่อข้าวโพดอายุได้ 50 วัน คุณมาร์คจะใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 อีกครั้ง ผ่านระบบน้ำหยด ในอัตรา 6 กิโลกรัมต่อไร่ ละลายในน้ำปริมาณ 200 ลิตร เพื่อช่วยให้ข้าวโพดฝักใหญ่ ได้น้ำหนัก
ข้าวโพดอายุได้ 50 วัน ใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 ผ่านระบบน้ำหยด เพื่อช่วยฝักใหญ่ ได้น้ำหนัก
ปลูกอ้อยด้วยระบบน้ำหยด
ได้ค่าความหวาน (c.c.s.) สูง ผลผลิตมากกว่า 21 ตันต่อไร่
นอกจากปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว คุณมาร์คยังปลูกอ้อยด้วย เคล็ดลับในการปลูกอ้อยให้ประสบความสำเร็จ คือต้องปลูกให้ถูกเวลา บำรุงธาตุอาหารให้เหมาะกับความต้องการของพืช ที่สำคัญปลูกอ้อยด้วยระบบน้ำหยด ช่วยให้พืชได้น้ำเพียงพอ ได้ปุ๋ยต่อเนื่อง ทำให้อ้อยแตกกอได้ดี มีค่าความหวาน (c.c.s.) สูงและให้ผลผลิตสูงอีกด้วย คุณมาร์คลงมือปลูกอ้อยข้ามแล้ง โดยใช้ระบบน้ำหยดเป็นตัวช่วยให้อ้อยเจริญเติบโตได้เต็มตามศักยภาพ เก็บเกี่ยวผลผลิตรุ่นแรกได้สูงถึงไร่ละ 21 ตัน
คุณมาร์คเตรียมแปลงปลูกอ้อยข้ามแล้ง ในช่วงเดือนกุมพาพันธุ์ เริ่มจากการไถผานสาม 1 ครั้งโดยความลึกอยูที่ 15 เซนติเมตร เพื่อเป็นการย่อยวัชพืชและช่วยให้ดินร่วนซุย โดยจะไถให้แปลงเตียนพร้อมทำการระเบิดดินดาน หลังจากนั้นจะทำการไถผานกระทู้เพื่อช่วยให้รากสามารถแตกตัวได้ดียิ่งขึ้น พร้อมยกร่องโดยระยะห่างระหว่างร่อง 150 เซนติเมตร และรองพื้นด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อเพื่มธาตุอาหารในดิน พร้อมปักท่อนพันธุ์ โดย 1 ไร่จะใช้ท่อนพันธุ์ประมาณ1.4 ตัน
เช่นเดียวกับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คุณมาร์คให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำในไร่อ้อยเช่นเดียวกัน เพราะได้ทดลอง จนเห็นผลแล้วว่า เมื่ออ้อยได้รับน้ำสม่ำเสมอ ผลผลิตที่ได้ มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งค่า C.C.S. สูงเช่นกัน โดยหลังจากปักท่อนพันธุ์ คุณมาร์คจะวางสายน้ำหยดทั่วทั้งแปลง และเริ่มให้น้ำทันที โดยเปิดให้น้ำประมาณ 12 ชั่วโมง จนอ้อยอายุได้ 20 วัน และให้น้ำอีกครั้งเมื่ออ้อยอายุ 2 - 6 เดือน ครั้งละ 12 ชั่วโมง และงดให้น้ำก่อนการเก็บเกี่ยวผลผลิต 6-8 สัปดาห์ เพื่อให้อ้อยสะสมความหวาน และมีค่าความหวาน(C.C.S.) สูง
คุณมาร์ครองพื้นด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 พร้อมลงท่อนพันธุ์อ้อย
ในการบำรุงธาตุอาหาร ระยะอ้อยแตกกอ (อายุ 2 เดือน) จะบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อให้รากสมบูรณ์ แตกกอได้ดี ได้กอใหญ่ โดยใช้รถไถผานตัดรากพร้อมฝังเม็ดปุ๋ย
และเมื่อเข้าสู่ระยะย่างปล้อง (อายุ 6 เดือน) จะบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับ ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 อัตรา 15 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อให้อ้อยสะสมน้ำตาล สร้างความหวาน (C.C.S.) แถมบำรุงให้ปล้องใหญ่ ได้น้ำหนักเพิ่มอีกด้วย
ใช้รถไถผานตัดรากพร้อมฝังเม็ดปุ๋ย
นวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
แม้ใช้ต้นทุนสูง แต่คุ้มค่ากับการลงทุน
ทุกวันนี้ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และการทำไร่อ้อยซึ่งมีหลายกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ดังนั้น เครื่องจักรกลการเกษตร จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น รถแทรกเตอร์ขนาดเล็ก ใช้เตรียมดิน สับใบอ้อย และกำจัดวัชพืชในร่องอ้อย ช่วยประหยัดเวลา เพิ่มผลผลิตอ้อยได้เป็นอย่างดี
คุณมาร์คยอมรับว่า การทำเกษตรในยุคนี้ จำเป็นต้องใช้นวัตกรรมเครื่องจักรกลแม้มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าการทำเกษตรในรุ่นพ่อแม่ แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะช่วยให้การทำเกษตรกลายเป็นเรื่องง่าย เช่น การเก็บเกี่ยวข้าวโพดอายุ 120 วัน โดยใช้เครื่องเกี่ยวนวดข้าวโพด ทำหน้าที่หักข้าวโพดพร้อมนวดข้าวโพดออกมาเป็นเมล็ดข้าวโพดได้ทันที ช่วยลดปัญหาขาดแคลนแรงงานคนในขั้นตอนการเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้เป็นอย่างดี
คุณมาร์คใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตรเพื่อลดแรงงานคน
ปกติใช้คนฉีดสารป้องกันศัตรูพืช มันไม่ปลอดภัย คุณมาร์คก็เลยหันมาใช้โดรนแทน เพราะนอกจากช่วยประหยัดเวลา ทำให้เห็นผลเร็ว คุมศัตรูพืชได้ทันที แถมไม่ต้องสัมผัสสารเคมี ทำงานได้อย่างคุ้มค่า ทั่วถึงทุกพื้นที่ ทำให้การจัดการพื้นที่ 140 ไร่นั้นสะดวก รวดเร็ว ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้ ทุกวันนี้ แปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่ 140 ไร่ ของคุณมาร์คใช้คนงานดูแลเพียง 3 คน แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเพราะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สามารถดูแลจัดการโรคและแมลงได้สะดวก รวดเร็ว ทำให้คุณภาพของผลผลิตดีขึ้น ช่วยให้พืชผลิดอกออกผลได้ดีกว่าเดิม
คุณมาร์ค ประสบความสำเร็จในการบริหารพื้นที่เพาะปลูกกว่า 140 ไร่ ให้มีผลผลิตขายตลอดทั้งปี เพราะคุณมาร์คใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอน ทั้งการเตรียมดิน การนำระบบน้ำหยดมาใช้ และการบำรุงธาตุอาหารให้ตรงกับความต้องการของพืช ทำให้พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สามารถเพาะปลูกได้ปีละ 3 รอบ ได้ผลผลิตกว่า 2.6 ตันต่อไร่ เช่นเดียวกับการปลูกอ้อยปลายฝนหรืออ้อยข้ามแล้ง ที่ใช้ระบบน้ำหยดเป็นตัวช่วย ทำให้อ้อยเจริญเติบโตได้เต็มที่ เก็บเกี่ยวผลผลิตรุ่นแรกได้สูงถึงไร่ละ 21 ตัน และได้ค่าความหวาน (C.C.S.)สูง การปลูกพืช หากต้องการให้ได้ผลผลิตดี สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเข้าใจธรรมชาติของพืช มีการบริหารจัดการและมีการวางแผนที่ดี ตั้งแต่การเตรียมแปลง การจัดการระบบน้ำ รวมไปถึงการบำรุงธาตุอาหารได้อย่างตรงจุด ก็จะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
ปุ๋ยกระต่าย ปุ๋ยอันดับ1 ของคุณมาร์ค ช่วยพืชงอกไว
ผลผลิตคุณภาพดี ตรงตามความต้องการของตลาด
สามารถติดตามสาระเกษตรน่ารู้ ได้ที่
ติดตามข่าวสารอื่นๆ ข้อมูลสินค้า และข่าวสารจากปุ๋ยตรากระต่าย เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: www.facebook.com/puitrakratai/
YouTube: www.youtube.com/c/Puitrakratai
TikTok: https://www.tiktok.com/@puitrakratai
ข้อมูลสินค้าปุ๋ยตรากระต่าย : https://www.chiataigroup.com/business/fertilizer/Puitrakratai-Rice-Fields