เคล็ดลับการปลูกข้าวนาปรัง ให้ข้าวรวงใหญ่ ได้น้ำหนัก แบบฉบับเกษตรกรรู้จริง

       “นาปรัง” เป็นการทำนานอกฤดู จะเริ่มปลูกตั้งแต่เดือนมกราคม และเก็บเกี่ยวอย่างช้าที่สุดไม่เกินเดือนเมษายน โดยปริมาณน้ำที่เพียงพอ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพผลผลิต ดังนั้นพื้นที่เพาะปลูกส่วนมากจึงอยู่ในเขตคลองชลประทาน รวมถึงพื้นที่ริมแม่น้ำ ในเขตภาคกลาง รองลงมาคือภาคเหนือตอนล่าง รวมถึงในภาคอีสานและในภาคใต้บางส่วน นอกจากน้ำต้องเพียงพอ แน่นอนว่าพี่น้องเกษตรกรจะต้องใส่ใจดูแลกันตั้งแต่เริ่มเตรียมแปลงปลูก การบำรุงธาตุอาหาร ไปจนถึงช่วงเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ข้าวรวงใหญ่ เมล็ดเต่ง น้ำหนักดี แบบชัวร์เด๊ะๆ สมหวังเป๊ะๆ

 

 เตรียมดินดี ผลผลิตก็ดีตาม

 

       ในการเตรียมแปลง จะเริ่มจากการปล่อยน้ำเข้านา ตามด้วยการไถดะเพื่อพลิกหน้าดินและย่อยตอซังข้าว หลังจากนั้นใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ (หรือ สาร พด.2 จากกรมพัฒนาที่ดิน) อัตรา 10-20 ลิตร/ไร่ เพื่อหมักและย่อยสลายฟาง ตอซังข้าว และเศษวัสดุต่างๆ ทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่า 7 วัน
 
       หลังจากนั้นจะไถแปร เพื่อพลิกหน้าดิน และย่อยดินให้มีขนาดเล็กลง ช่วยให้ง่ายต่อการลูบเทือก ปรับหน้าดินให้เรียบสม่ำเสมอ ขั้นตอนต่อไป คือ การชักร่องเพื่อระบายน้ำออกจากนา (ตีเส้นในร่อง) เตรียมพร้อมสำหรับการหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวหรือปักดำนา
       

ผลผลิตดี เริ่มต้นที่กากรเตรียมแปลง

 

เลือกปลูก “ข้าวพันธุ์เบา”
ช่วยเพิ่มผลผลิตดีชัวร์
 
       สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในฤดูการปลูกข้าวนาปรัง คือ “ข้าวพันธุ์เบา” เนื่องจากเป็นข้าวที่มีระยะเวลาการออกดอกและการเจริญเติบโตที่สั้น อีกทั้งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ต้องใช้น้ำในการปลูกมาก และจะมีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 90-110 วัน โดยสายพันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่

       1. พันธุ์ กข41
  • อายุเก็บเกี่ยว : ประมาณ 105 วัน
       ลักษณะเด่น
  • ให้ผลผลิตสูง เฉลี่ย 722 กิโลกรัมต่อไร่
  • ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และโรคไหม้ ได้ดี
  • มีลักษณะเมล็ดยาวเรียว ท้องไข่น้อย

       2. พันธุ์ กข61
  • อายุเก็บเกี่ยว : ประมาณ 95 วัน
       ลักษณะเด่น
  • ให้ผลผลิตสูง เฉลี่ย 1,004 กิโลกรัมต่อไร่
  • ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีนํ้าตาล เพลี้ยกระโดดหลังขาว และต้านทานโรคไหม้ได้ดี
  • ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดี

       3. พันธุ์ กข85
  • อายุเก็บเกี่ยว : ประมาณ 114 วัน
       ลักษณะเด่น
  • ให้ผลผลิตสูง เฉลี่ย 734 กิโลกรัมต่อไร่
  • ต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และเพลี้ยกระโดดหลังขาว
  • ทนต่อสภาพอากาศเย็นได้ดี
 
เทคนิคการบำรุงธาตุอาหาร
 เพิ่มคุณภาพผลผลิต ให้เด๊ะดั่งใจ
 
       ระยะข้าวแตกกอ (อายุ 15-20 วัน) แนะนำบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 46-0-0 ในอัตรา 5-10 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-20-0 หรือ ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-8 อัตรา 20 กิโลกรัมต่อไร่ (สัดส่วน 1:2) เพื่อช่วยให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์ เตรียมพร้อมสำหรับการแตกกอ ให้กอใหญ่ ต้นข้าวเขียวงามตามต้องการ
 
       ระยะข้าวตั้งท้อง (อายุ 25-30 วัน) แนะนำใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-20-0 หรือ ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-8 อัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อเสริมความสมบูรณ์ให้ต้นข้าว ใบเขียวทนเขียวนาน สังเคราะห์แสงได้ดี พร้อมบำรุงให้เมล็ดข้าวเต็มท้อง
 
       ระยะข้าวออกดอก-รับรวง (อายุ 40-45 วัน) แนะนำใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 15-20 กิโลกรัมต่อไร่ ด้วยธาตุอาหารที่ครบสูตร จะช่วยให้รวงข้าวเข้าสู่การสร้างน้ำนม สร้างแป้ง ได้ข้าวรวงใหญ่ เมล็ดเต่ง น้ำหนักดี

เคล็ดลับการบำรุงข้าวนาปรังแบบฉบับปุ๋ยตรากระต่าย 

 

       เคล็ดลับการปลูกข้าวนาปรังให้ได้ผลผลิตดี ต้องเริ่มใส่ใจกันตั้งแต่การปรับโครงสร้างดิน การเตรียมแปลงที่ดี การเลือกสายพันธุ์ให้เหมาะกับฤดูการที่ปลูก และที่สำคัญคือการบำรุงธาตุอาหารให้ตรงกับความต้องการของข้าว รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมเลือกปุ๋ยตรากระต่าย ปุ๋ยคุณภาพ อันดับ 1 ในใจเกษตรกรรู้จริง เป็นผู้ช่วยในการบำรุง เพื่อให้ข้าวรวงใหญ่ คุณภาพดี คุ้มค่าหายเหนื่อยกันอย่างแน่นอน ชัวร์ เด๊ะ เด๊ะ สมหวัง เป๊ะๆ 

 

สำหรับผู้ที่สนใจเคล็ดลับในการทำการเกษตร สามารถติดตามสาระเกษตรน่ารู้ ได้ที่    

 

ติดตามข่าวสารอื่นๆ ข้อมูลสินค้า และข่าวสารจากปุ๋ยตรากระต่าย เพิ่มเติมได้ที่   

Facebook: www.facebook.com/puitrakratai/   

YouTube: www.youtube.com/c/Puitrakratai   

TikTokhttps://www.tiktok.com/@puitrakratai   

ข้อมูลสินค้าปุ๋ยตรากระต่ายhttps://www.chiataigroup.com/business/fertilizer/Puitrakratai-Fruits-Vegetables