“หอมหัวใหญ่” เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกง่าย โตไว สามารถเก็บผลผลิตได้ภายใน 90-110 วัน หลังย้ายกล้าลงแปลง (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) ในแง่ของความคุ้มค่า ถือเป็นพืชที่สร้างรายได้ต่อพื้นที่ค่อนข้างสูง หากเกษตรกรมีพื้นที่จำกัด ก็สามารถวางแผนปลูกเป็นพืชหมุนเวียน เช่น หลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าวหรือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ และยิ่งมีการจัดการแปลงที่ดีพร้อมดูแลบำรุงอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิต และสร้างรายได้ให้สูงขึ้นตามไปด้วย และยิ่งมีการจัดการแปลงที่ดีพร้อมดูแลบำรุงอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิตและสร้างรายได้ให้สูงขึ้นตามไปด้วย
โดยธรรมชาติแล้ว “หอมหัวใหญ่” เจริญเติบโตได้ดีในอากาศเย็น สำหรับในประเทศไทยจึงมักปลูกในพื้นที่ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และนครสวรรค์ ในวันนี้เราจะพาไปบุกแหล่งปลูกหอมหัวใหญ่คุณภาพสูงกับคุณกานต์-วรรณกานต์ ทำคำหมื่น วัย 27 ปี ที่ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เกษตรกรรุ่นใหม่แต่มากประสบการณ์ สามารถพัฒนาแนวทางการปลูกหอมหัวใหญ่จนได้ผลผลิตสูงถึง 6 ตันต่อไร่ หากเทียบกับเมื่อก่อนนั้นได้เพียง 4 ตันต่อไร่เท่านั้น
คุณกานต์ เผยว่า ปัจจุบันปลูกหอมหัวใหญ่อยู่บนพื้นที่ 17 ไร่ โดยรับช่วงต่อมาจากครอบครัว เป็นเวลา 7 ปีแล้ว พอได้มารับผิดชอบแบบเต็มตัวก็อยากพัฒนาคุณภาพผลผลิต เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่ม มากขึ้น จึงได้มีการปรับปรุงเทคนิคการดูแลอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้ได้หอมหัวใหญ่ที่น้ำหนักดี หัวใหญ่ได้ “เบอร์ศูนย์” ซึ่งเป็นขนาดที่ราคาดีที่สุด สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเทียบกับเมื่อก่อนนั้นได้แค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นหลักหมื่นบาทต่อไร่เลยทีเดียว
และที่สำคัญ ผลผลิตที่แปลงของคุณกานต์ นั้นแทบไม่พบ “โรคไส้เน่า” ซึ่งเป็นปัญหาปราบเซียนของเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ ทำให้สามารถขายได้ทุกลูก!
เบื้องหลังความสำเร็จของคุณกานต์ จะมีเทคนิคอย่างไร? ติดตามสูตรเด็ดเคล็ดลับ ฉบับเกษตรกรรุ่นใหม่กันได้เลย
คุณกานต์ และผลผลิตหอมหัวใหญ่ น้ำหนักดี เบอร์ศูนย์ ไส้ไม่เน่า
“เพาะกล้าให้แข็งแรง ต้นโตไว”
จุดเริ่มต้นเพื่อผลผลิตที่ดี
การเพาะกล้าหอมหัวใหญ่ให้มีความสมบูรณ์ แข็งแรง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการได้ ผลผลิตที่ดี เพราะหากดูแลไม่ดี พืชขาดธาตุอาหาร จะทำให้ลำต้นแคระแกร็น ระบบรากอ่อนแอ และเมื่อทำการย้ายกล้าลงแปลงปลูก รากอาจเสียหาย ส่งผลให้การดูดซึมน้ำและธาตุอาหารลดลง ทำให้ต้นแตกใบใหม่ได้ช้า หรือชะงักการเจริญเติบโตได้
ดังนั้น คุณกานต์ จึงให้ความสำคัญในการเตรียมแปลง การปรับสภาพดินให้มีความร่วนซุยและมีธาตุอาหารที่เพียงพอเป็นอย่างมาก เพื่อให้เมล็ดพันธุ์สามารถงอกได้ดี ต้นกล้าเจริญเติบโตได้สมบูรณ์มากที่สุด
โดยในการเตรียมแปลงเพาะกล้า คุณกานต์ จะเริ่มด้วยการไถพรวนดินเพื่อกำจัดวัชพืช จากนั้นตากดินไว้ระยะเวลา 7-10 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคในดิน ตามด้วยใส่ปุ๋ยคอกในอัตรา 30 กระสอบต่อไร่ เพื่อช่วยเพิ่มอินทรีย์วัตถุ และทำให้ดินร่วนซุย
เมื่อเตรียมดินพร้อมแล้ว จะหว่านเมล็ดพันธุ์บางๆ เว้นระยะห่างโดยประมาณ 2-3 เซนติเมตร หากหว่านเมล็ดมากเกินไปจะทำให้ต้นกล้าขึ้นเบียดกัน ส่งผลให้ต้นกล้ามีขนาดเล็ก เจริญโตไม่สมบูรณ์ จากนั้น หลังหว่านเมล็ดเรียบร้อยแล้วจะโรยทับด้วยแกลบปริมาณ 100 กระสอบต่อไร่ เพื่อช่วยกักเก็บความชื้นในดิน
โรยเมล็ดพันธุ์บางๆ โดยกะระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อให้ไม่แออัดเกินไป
สำหรับการบำรุงหอมหัวใหญ่ใน “ระยะต้นกล้า” คุณกานต์ จะเน้นเสริมความแข็งแรงของพืชทุกส่วน ทั้งราก ลำต้น และใบ เพื่อให้ต้นกล้าเจริญเติบโตไว ดังนี้
- ช่วงต้นกล้าอายุ 20-27 วัน จะแบ่งการบำรุงออกเป็น 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อต้นกล้าอายุ 20 วัน จะบำรุงด้วย ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-16 บลู อัตรา 5-10 กิโลกรัมต่อไร่ และครั้งที่สอง เมื่อต้นกล้าอายุ 27 วัน จะบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-16 บลู อีกครั้ง ในอัตราเท่าเดิม ช่วยให้ต้นกล้าโตไว ระบบรากแข็งแรง สามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดี และมีโอกาสรอดสูงหลังย้ายลงแปลงปลูก
ช่วงต้นกล้าอายุ 20-27 วัน บำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-16 บลู ช่วยให้ต้นกล้าโตไว รากแข็งแรง
- ช่วงต้นกล้าอายุ 35 วัน จะปรับการบำรุงโดยใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20 อัตรา 5-10 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อเน้นให้ต้นกล้าลำต้นแข็งแรง ได้หลอดใหญ่ ใบหนา สีเขียวเข้ม สังเคราะห์แสงได้ดี
ช่วงต้นกล้าอายุ 35 วัน บำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20
ต้นกล้ามีลำต้นแข็งแรง ได้หลอดใหญ่ ใบหนา สีเขียวเข้ม
จากนั้นเมื่อต้นกล้าอายุได้ 45 วัน จะสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมย้ายลงแปลงปลูกได้
เตรียมแปลงอย่างมืออาชีพ
ดินต้องร่วน เพื่อการลงหัวที่ดี
“หอมหัวใหญ่” เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ร่วนซุยและมีการระบายน้ำดี เนื่องจากส่วนหัวนั้นจะอยู่ในดิน หากดินอัดแน่นเกินไป รากจะขยายตัวหาอาหารได้ไม่เต็มที่ และอาจทำให้หอมหัวใหญ่ บิดเบี้ยว ทรงไม่สวยได้ แปลงของคุณกานต์ จึงให้ความสำคัญกับขั้นตอนการเตรียมดินเป็นอย่างมาก
สำหรับขั้นตอนการเตรียมแปลงปลูก จะคล้ายกับการเตรียมแปลงเพาะกล้า โดยเริ่มจากการไถและตากดินไว้ประมาณ 10-15 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคในดินก่อน จากนั้นจะไถพลิกหน้าดินด้วยผาน 3 ตามด้วยการไถพรวนด้วยผาน 7 เพื่อย่อยดินให้เล็กลง เสร็จแล้วจะใส่ปุ๋ยคอกเพื่อรองพื้นปริมาณ 30 กระสอบต่อไร่ เพื่อช่วยเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน พร้อมทั้งปรับสภาพให้ดินร่วนซุยและกักเก็บธาตุอาหารได้ดีขึ้น
จากนั้นจะทำการยกร่องแปลงปลูกให้สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ความกว้างร่องปลูกประมาณ 1-1.2 เมตร เว้นระยะทางเดิน 30 เซนติเมตร และเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร เมื่อเสร็จแล้วจะวางระบบน้ำสปริงเกอร์ ไปตามแนวร่องระหว่างแถวปลูก ตั้งแต่ต้นแปลงไปถึงท้ายแปลง โดยแต่ละหัวสปริงเกอร์จะเว้นระยะห่าง 3 เมตร หลังเตรียมแปลงเสร็จเรียบร้อยจะ คลุมฟางให้ทั่วร่องปลูก เพื่อเก็บรักษาความชื้นในดิน เตรียมพร้อมสำหรับการย้ายกล้า
การวางแปลงปลูกหอมหัวใหญ่และการวางระบบน้ำสปริงเกอร์
โดยในขั้นตอนก่อนย้ายกล้านั้น คุณกานต์ จะตัดปลายใบของต้นกล้าออกประมาณ 5-10 เซนติเมตร ก่อนปลูก นี่ถือเป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยลดปัญหาใบพันกันกับฟางที่คลุมแปลง และช่วยกระตุ้นให้ต้นแตกใบใหม่ได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ ควรมีการฆ่าเชื้อมีดหรือกรรไกรที่ใช้ตัดด้วยแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อก่อน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคพืชที่อาจติดมากับอุปกรณ์ที่ใช้ตัด
ตัดปลายใบของต้นกล้า 5-10 เซนติเมตร ก่อนย้ายลงแปลงปลูก เพื่อลดปัญหาใบติดกับฟาง
และยังช่วยให้ต้นแตกใบใหม่ได้เร็วขึ้น สามารถตั้งตัวได้ไว
เทคนิคบำรุง “หลังย้ายกล้า”
เพื่อต้นสมบูรณ์แข็งแรง
ได้หอมหัวใหญ่ “เบอร์ศูนย์”เยอะ ไส้ไม่เน่า
พืชลงหัวอย่าง “หอมหัวใหญ่” รวมถึงหอมแดงและกระเทียม มักถูกเข้าใจผิดว่าควรเน้นบำรุงเฉพาะ “หัว” เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี แต่ในความเป็นจริง “ใบ” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นแหล่งสังเคราะห์แสงและสร้างอาหารให้พืช หากละเลยการบำรุงใบ หัวก็จะไม่ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ ส่งผลให้หอมหัวใหญ่ มีขนาดเล็กได้
ในการบำรุงหอมหัวใหญ่ “ช่วงหลังย้ายกล้า” คุณกานต์ จึงนำแนวทางการบำรุงตามระยะการเจริญเติบโตมาใช้ ช่วยให้เติมธาตุอาหารได้อย่างตรงจุดตามความต้องการของพืช ทำให้หอมหัวใหญ่แข็งแรง ทนโรค และสามารถให้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้ในเวลาเดียวกัน
- ระยะบำรุงต้น (หลังย้ายกล้า 14-21 วัน) ในช่วงนี้ต้นหอมหัวใหญ่ยังมีขนาดเล็ก และอยู่ในระหว่างการฟื้นตัวหลังย้ายแปลงปลูก จะบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-16-บลู อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ จำนวน 2 ครั้ง ความถี่ทุก 7 วัน เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของต้น ช่วยให้ระบบรากแข็งแรง แทงรากได้ดี ทำให้ต้นตั้งตัวได้ไวขึ้น
การบำรุงหลังย้ายกล้า 14-21 วัน ด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-16 บลู ช่วยให้ต้นแข็งแรง
ระบบรากแข็งแรง หยั่งรากได้ดี ทำให้ต้นตั้งตัวได้ไว
- ระยะแตกกอ (หลังย้ายกล้า 28 วัน) จะสังเกตได้ว่าบริเวณโคนต้นนั้นเริ่มขยายใหญ่ขึ้น และเห็นกาบใบชัดเจน จะบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ ช่วยให้ต้นแตกกอดี หลอดใหญ่ ใบเขียว สังเคราะห์แสงได้ดี ทำให้ต้นแข็งแรงรองรับการลงหัวในระยะถัดไป
การบำรุงหอมหัวใหญ่ระยะแตกกอ (หลังย้ายกล้า 28 วัน) ด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20
ช่วยให้ต้นแข็งแรงแตกกอดี หลอดใหญ่ ใบเขียว สังเคราะห์แสงได้ดี
นอกจากการบำรุงทางดินด้วยปุ๋ยตรากระต่ายแล้ว คุณกานต์ จะเสริมการบำรุงด้วยฮอร์โมน “มาโมมิกซ์ บลู” (แคลเซียม-โบรอน) ในอัตรา 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ต่อพื้นที่ 1 ไร่ โดยฉีดพ่นทุก 7 วัน ช่วยให้ต้นแข็งแรงขึ้น เมื่อพืชแข็งแรงก็ลดโอกาสเกิดโรคพืชได้มาก
เสริมการบำรุงด้วยฮอร์โมน ‘มาโมมิกซ์ บลู’ ในระยะแตกกอ (หลังย้ายกล้า 28 วัน) ช่วยให้ต้นแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสเกิดโรคพืชได้มาก
- ระยะลงหัว (หลังย้ายกล้า 42-45 วัน) เป็นช่วงที่หอมหัวใหญ่เริ่มเปลี่ยนการสะสมธาตุอาหารจากใบและลำต้นมาสู่หัวโดยตรง คุณกานต์ จึงปรับการบำรุงด้วยปุ๋ยที่มีธาตุโพแทสเซียมสูง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาหัว โดยใช้ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-24 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20 อัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อช่วยขยายหัวให้มีขนาดใหญ่ เป็นเบอร์ศูนย์เยอะ คุณภาพได้มาตรฐาน
การบำรุงหอมหัวใหญ่ระยะลงหัว (หลังย้ายกล้า 42-45 วัน) ด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-24
และปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20 ช่วยขยายหัวให้มีขนาดใหญ่ เป็นเบอร์ศูนย์เยอะ
นอกจากนี้ หลังย้ายกล้า 65 วัน จะเสริมด้วยการฉีดพ่นมาโมมิกซ์ บลู (แคลเซียม-โบรอน) อีกครั้ง ในอัตรา 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ต่อพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้หอมหัวใหญ่ทรงสวย ผิวเนียน ไม่ผิดรูป ไม่มีอาการไส้เน่า
การบำรุงหอมหัวใหญ่ หลังย้ายกล้า 65 วัน ด้วยมาโมมิกซ์ บลู
ให้หอมหัวใหญ่ทรงสวย ผิวเนียน ไม่ผิดรูป ไม่มีอาการไส้เน่า
สำหรับอาการ "ไส้เน่า" เป็นปัญหาที่พบบ่อยในหอมหัวใหญ่ และสังเกตความผิดปกติจากภายนอกหัวได้ยาก แต่เมื่อผ่าออกมาจะพบว่ามีเนื้อบางส่วนนิ่มเละเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ ทำให้ผลผลิตเสียหายไม่สามารถขายได้ ซึ่งในช่วงแรกที่คุณกานต์ มารับช่วงต่อการปลูกหอมหัวใหญ่ ก็พบปัญหานี้เช่นกัน จึงได้เริ่มศึกษาหาสาเหตุและปรับเปลี่ยนวิธีการบำรุงดูแลอย่างจริงจัง จนพบว่า "ความแข็งแรงของพืช" เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างการสุ่มผ่าหัวหอมจากสวนคุณกานต์ ไม่พบไส้เน่า เก็บขายได้ทุกลูก
คุณกานต์ เผยว่า “เมื่อก่อนคิดว่าใส่ปุ๋ยอะไรก็เหมือนกัน พอถึงเวลาเก็บผลผลิตมาก็พบปัญหาไส้เน่า ขายไม่ได้ราคา แต่พอมาบำรุงด้วย “ปุ๋ยตรากระต่าย” ร่วมกับ “มาโมมิกซ์ บลู” ผลผลิตก็เพิ่มขึ้น จากที่เคยได้แค่ไร่ละ 4-5 ตัน ก็เพิ่มมาเป็น 6 ตัน คุณภาพผลผลิตก็ดีขึ้นมากค่ะ หัวใหญ่ เป็นเบอร์ศูนย์มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อก่อนได้อยู่แค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เห็นผลลัพธ์ชัดเจนค่ะว่า ถ้าพืชเราแข็งแรงก็ช่วยลดอาการไส้เน่าได้เป็นอย่างดี ถ้าเราบำรุงได้ตามนี้นะคะ รับรองได้ผลผลิตดีแน่นอนค่ะ”
ใช้ “ปุ๋ยตรากระต่าย”
ได้ผลผลผลิตสูง 6 ตันต่อไร่ เป็น “เบอร์ศูนย์” กว่า 80%
ปลูกกี่รอบก็มั่นใจ
สำหรับรูปแบบการรับซื้อหอมหัวใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบเหมาไร่ จะชั่งเป็นน้ำหนักรวม และแบบคัดเกรด จะคัดขนาดหอมหัวใหญ่ก่อนนำไปชั่งน้ำหนักประเมินราคา โดยจะมีขนาดและราคาที่แตกต่างกัน ดังนี้
- เบอร์ศูนย์ ขนาดลูก 4-5 ขีด ราคารับซื้อตั้งแต่ 13-14 บาทต่อกิโลกรัม
- เบอร์หนึ่ง ขนาดลูก 2-3 ขีด ราคารับซื้อตั้งแต่ 11-12 บาทต่อกิโลกรัม
- เบอร์สอง ขนาดลูก 1 ขีด ราคารับซื้อตั้งแต่ 9-10 บาทบาทต่อกิโลกรัม
- เบอร์สาม (หรือเรียกว่าเบอร์น้ำพริก) ขนาดต่ำกว่า 1 ขีด ราคาตั้งแต่ 7-8 บาทบาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ ผู้รับซื้อมักตรวจสอบคุณภาพผลผลิตโดยการสุ่มผ่าหอมหัวใหญ่ก่อนรับซื้อ ซึ่งหอมหัวใหญ่จากแปลงของคุณกานต์ แทบไม่มีผลเน่า ขายได้ทุกลูก จนเป็นเครดิตที่ดีช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้รับซื้อ
การแบ่งเกรดหัวหอมแต่ละขนาด
คุณกานต์ เล่าถึงเคล็ดลับความสำเร็จว่า “ด้วยความที่เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มคุณภาพผลผลิต เลยหาวิธีพัฒนาการเพาะปลูกมาเรื่อยๆ จนมีโอกาสได้พบทีมงานบริษัทเจียไต๋ เข้ามาแนะนำแนวทางการบำรุงให้ตรงกับความต้องการของพืชในแต่ละช่วงอายุการเจริญเติบโต และเปลี่ยนมาทดลองใช้ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20 แทนสูตรเดิม ในช่วงระยะแตกกอ สามารถสังเกตได้ชัดเจนเลยคะว่าได้ต้นสมบูรณ์ หลอดใหญ่ใบหนา และมีสีเขียวทนเขียวนานกว่าแปลงอื่นๆในละแวกใกล้เคียง จนมีเกษตรกรแปลงข้างๆ มาสอบถามการบำรุง ว่าบำรุงอย่างไรแปลงของเราถึงได้เขียวสมบูรณ์ขนาดนี้ ซึ่งยิ่งได้ใบเขียวสมบูรณ์แตกกอมาก ก็ยิ่งทำให้ผลผลิตได้เบอร์ใหญ่หรือหัวใหญ่ขึ้น ส่วนอีกสูตรที่ประทับใจไม่แพ้กันคือ ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-24 ที่ช่วยขยายหัวให้สมบูรณ์ มีขนาดใหญ่ ได้ผลผลิตเบอร์ศูนย์ เพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยค่ะ”
คุณกานต์เลือกใช้ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20 ตัวช่วยสำคัญ ให้แตกกอดี หลอดใหญ่ ใบเขียวสมบูรณ์
และปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-24 บำรุงให้หอมลูกใหญ่ ลงหัวดี ได้เป็นเบอร์ศูนย์
ด้วยความใส่ใจหมั่นตรวจสอบดูแลแปลง รวมถึงความพยายามในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณกานต์ พบแนวทางในการเพิ่มผลผลิตหอมหัวใหญ่ได้ถึง 6 ตันต่อไร่ เป็นเบอร์ศูนย์ 80% ลูกใหญ่ ไส้ไม่เน่า สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สามารถเป็นต้นแบบให้เกษตรกรรุ่นใหม่มั่นใจในอาชีพเกษตรได้ว่า หากมีความมุ่งมั่น เปิดใจรับสิ่งใหม่อยู่เสมอ ก็สามารถได้ผลลัพธ์ที่ดีแบบชัวร์ เด๊ะ เด๊ะ สมหวังเป๊ะ เป๊ะ!
ปลูกหอมหัวใหญ่อย่างมืออาชีพ ได้ผลผลิตเบอร์ศูนย์ 80% ลูกใหญ่ ไส้ไม่เน่า ผลผลิตสูงถึง 6 ตันต่อไร่
คุณกานต์ กับผลผลิตหอมหัวใหญ่คุณภาพ
หอมหัวใหญ่ที่แปลงของคุณกานต์ น้ำหนักดี หัวใหญ่ได้ “เบอร์ศูนย์” กว่า 80 เปอร์เซ็นต์
สำหรับผู้ที่สนใจเคล็ดลับในการทำการเกษตร สามารถติดตามสาระเกษตรน่ารู้ ได้ที่
เคล็ดลับปลูกหอมหัวใหญ่ ให้หัวใหญ่ น้ำหนักดี ได้เบอร์ศูนย์เยอะ
ติดตามข่าวสารอื่นๆ ข้อมูลสินค้า และข่าวสารจากปุ๋ยตรากระต่าย เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: www.facebook.com/puitrakratai/
YouTube: www.youtube.com/c/Puitrakratai
TikTok: https://www.tiktok.com/@puitrakratai
ข้อมูลสินค้าปุ๋ยตรากระต่าย : https://www.chiataigroup.com/business/fertilizer/Puitrakratai-Rice-Fields
