กวางตุ้งดอกหรือผักกระจ้อน นิยมปลูกและบริโภคในทุกพื้นที่ของประเทศไทย สามารถประกอบอาหารได้หลากหลาย ปัจจุบันเกษตรกรยังคงปลูกกวางตุ้งดอกโดยใช้สายพันธุ์พื้นเมือง หรือ OP ซึ่งผลิตผลต่อไร่ที่ได้ค่อนข้างน้อย ประมาณ 1-1.5 ตันต่อไร่ อีกทั้ง ต้นยังมีขนาดไม่ค่อยสม่ำเสมอกัน นอกจากนี้ การออกดอกและการเจริญเติบโตก็ไม่พร้อมกัน ทำให้เกษตรกรต้องประสบปัญหาเก็บเกี่ยวหลายครั้ง รวมไปถึงการที่เกษตรกรต้องใช้เมล็ดพันธุ์ในปริมาณที่เยอะเกินความจำเป็น ด้วยวิธีการเพาะปลูกที่ต้องหว่านเมล็ดทีละมากๆ เพื่อคัดเลือกต้นที่สมบูรณ์ ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรมีต้นทุนที่สูงขึ้น
กว่า 30 ปี ในการพัฒนาสายพันธุ์กลุ่มผักใบลูกผสม (F1 Hybrid) เจียไต๋ให้ความทุ่มเทจนประสบความสำเร็จ และก้าวเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญในการบุกเบิกการปรับปรุงพันธุ์พืชอย่างผักใบลูกผสม โดยมีสถานีวิจัยเฉพาะทางอยู่ที่เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อปรับปรุงให้สายพันธุ์ออกมาสมบูรณ์แบบ และในปีนี้ เจียไต๋พร้อมเปิดตัวเมล็ดพันธุ์กวางตุ้งดอกลูกผสมสองสายพันธุ์แรกของประเทศไทย ได้แก่ ผักกาดกวางตุ้งดอกลูกผสมต้นขาว ขาวนวล และ ผักกาดกวางตุ้งดอกลูกผสมต้นเขียว ปิ่นมรกต เป็นสองสายพันธุ์ที่พัฒนาออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการตลาดที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยมีอายุเก็บเกี่ยวเพียง 30-35 วัน หลังหว่านเมล็ด
ผักกาดกวางตุ้งดอกลูกผสมต้นขาว ขาวนวล มีลักษณะต้นสีเขียวอ่อน ช่อดอกสวย ลำต้นอวบใหญ่ เจริญเติบโตดีสม่ำเสมอ จุดเด่น คือ มีน้ำหนักดี น้ำหนักต่อต้นอยู่ที่ 90-100 กรัม ซึ่งดีกว่าสายพันธุ์พื้นเมืองซึ่งมีน้ำหนักต่อต้นเพียง 35-40 กรัม อีกทั้ง ยังให้ผลิตผลต่อไร่สูง เฉลี่ย 2.5-3.5 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์พื้นเมืองถึงเท่าตัว และมีอายุเก็บเกี่ยวเพียง 30-35 วัน จึงทำให้เป็นที่นิยมสำหรับเกษตรกรผู้ปลูก
กวางตุ้งดอกต้นขาว นิยมมากในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ เหมาะสำหรับเมนูอาหารง่ายๆ อย่างการนำไปลวกจิ้มน้ำพริก แกงอ่อม หรือ จอผักกาดกวางตุ้งดอก
ผักกาดกวางตุ้งดอกลูกผสมต้นเขียว ปิ่นมรกต มีลักษณะต้นสีเขียวเข้ม มีช่อดอกและลำต้นอวบใหญ่ จุดเด่นที่เกษตรกรชื่นชอบ คือ มีน้ำหนักต่อต้นดีเฉลี่ยที่ 90-100 กรัม ซึ่งดีกว่าสายพันธุ์พื้นเมืองซึ่งน้ำหนักต่อต้นเพียง 35-40 กรัม และผลิตผลต่อไร่สูง โดยเฉลี่ย 2.5-3.5 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์พื้นเมืองเท่าตัว อายุเก็บเกี่ยว 30-35 วัน
ผักกวางตุ้งดอกต้นเขียวตอบโจทย์ในทุกเมนูอาหาร โดยเฉพาะอาหารสไตล์ฮ่องกง อย่างการนำไปผัดกับซอสหอยนางรม หรือทำเมนูอาหารแบบไทยที่คล้ายกันกับกวางตุ้งดอก ขาวนวล เช่น การนำไปลวก หรือทำเป็นแกงต่างๆ
“เราเล็งเห็นความสำคัญและโอกาสที่เราสามารถทำได้ และเรามีศักยภาพในการปรับปรุงพันธุ์ให้แตกต่างจากสายพันธุ์พื้นเมืองที่มีอยู่ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้สายพันธุ์ลูกผสมนี้เป็นประโยชน์กับเกษตรกรมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสม่ำเสมอหรือเรื่องของผลิตผลที่มากขึ้น” นายสุภัทร เมฆิยานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสำนักวิจัยและพัฒนา บริษัท เจียไต๋ จำกัด หนึ่งในผู้บุกเบิกการพัฒนาสายพันธุ์ในกลุ่มผักใบลูกผสม เล่าถึงการปรับปรุงสายพันธุ์กวางตุ้งลูกผสมในครั้งนี้ ที่ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาราว 5-6 ปี เพื่อได้มาซึ่งเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ โดยเริ่มต้นจากการเล็งเห็นถึงปัญหาในการออกดอกที่ไม่พร้อมกันในแปลงของผักกาดกวางตุ้งสายพันธุ์พื้นเมือง ที่ส่งผลให้การเก็บเกี่ยวใช้ระยะเวลานานเพราะต้องเก็บเกี่ยวหลายรอบ ทำให้จุดประสงค์หลักของการปรับปรุงสายพันธุ์กวางตุ้งดอกลูกผสมขาวนวลและปิ่นมรกต คือการทำให้สายพันธุ์มีความสม่ำเสมอ ออกดอกพร้อมกัน และให้ผลิตผลมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดความเสี่ยงในแปลงลง สามารถคาดการณ์ผลิตผลได้ และทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น
เมล็ดพันธุ์ผักกาดกวางตุ้งสายพันธุ์ทั่วไป OP (Open Pollinated) คือ เมล็ดพันธุ์ผสมเปิด มีลักษณะพันธุกรรมที่เหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน เช่น สายพันธุ์พื้นบ้านที่นิยมปลูกทั่วไป โดยเป็นการคัดพันธุ์จากต้นที่สมบูรณ์ และผ่านการผสมเกสรแบบอิสระ หรือผสมข้ามแบบสุ่ม มีการควมคุมการถ่ายละอองเกสรไม่ให้ผสมเกสรข้ามกับพันธุ์อื่น จากนั้นจึงเก็บเมล็ดพันธุ์มาจำหน่าย ซึ่งลักษณะของเมล็ดพันธุ์ OP นี้ อาจส่งผลให้ขนาดของต้นไม่สม่ำเสมอ การออกดอกและการเจริญเติบโตไม่พร้อมกัน ทำให้เกษตรกรต้องเก็บเกี่ยวหลายครั้ง
ในขณะที่ เมล็ดพันธุ์ผักกาดกวางตุ้งลูกผสม หรือ F1 (Hybrid) คือ พันธุ์ลูกผสมที่เกิดจากการผสมข้ามระหว่างสายพันธุ์ที่มีความแตกต่างกัน จึงได้พันธุ์ลูกผสมที่มีความทนทานต่อโรคและแมลง ให้ผลิตผลคุณภาพสูง เมล็ดพันธุ์ลูกผสม F1 จะมีความสม่ำเสมอทางพันธุกรรม มีอัตราการงอกสูง คุณลักษณะเด่นของสายพันธุ์ลูกผสม คือคุณภาพของผลิตผลสูงและสม่ำเสมอ รวมไปถึงความสะดวกในการจัดการของผู้ปลูกที่สามารถเก็บเกี่ยวได้พร้อมกันทั้งแปลงภายในครั้งเดียว ซึ่งสามารถลดปริมาณการใช้เมล็ดต่อแปลงลงและประหยัดต้นทุนมากขึ้น
ทั้งนี้ การคัดสรรและทดสอบเมล็ดพันธุ์พืชถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในขั้นตอนการพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืช โดยเฉพาะการปลูกพืชในเชิงพาณิชย์ เราจึงต้องคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีความสม่ำเสมอ ให้ผลิตผลที่ดี มีการเจริญเติบโตที่แข็งแรง และทนทานต่อสภาพอากาศ อย่างเมล็ดพันธุ์สายพันธุ์ลูกผสม หรือ สายพันธุ์ F1 (Hybrid) เพื่อให้ได้ผลิตผลที่ตอบโจทย์ตามที่ตลาดต้องการ
อีกหนึ่งในสายพันธุ์ลูกผสมแรกๆ ในไทย มีลักษณะทรงแจกัน สีเขียวสวย ห่อแน่น น้ำหนักดี เจริญเติบโตสม่ำเสมอ ทนร้อน ทนฝน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี
อายุเก็บเกี่ยว: 35-40 วันหลังหว่าน
ผลิตผลเฉลี่ยต่อไร่: 4 – 5 ตัน
ใบใหญ่หนา สีเขียวเข้ม ต้นอวบใหญ่ ออกดอกช้า
เจริญเติบโตเร็ว ต้นสม่ำเสมอ
อายุเก็บเกี่ยว: 45-50 วันหลังหว่าน
ผลิตผลเฉลี่ยต่อไร่: 5 ตัน
สายพันธุ์ล่าสุดจากเจียไต๋ ลำต้นอวบใหญ่ ใบหนา
ก้านใบแนบ โตสม่ำเสมอ ปลูกได้ตลอดทั้งปี
อายุเก็บเกี่ยว: 45-50 วันหลังหว่าน
ผลิตผลเฉลี่ยต่อไร่: 4.5-5 ตัน
นอกจากกวางตุ้งและคะน้าแล้ว เจียไต๋มีเมล็ดพันธุ์อีกหลายหลายสายพันธุ์คุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น กะหล่ำปลี ผักกาดขาวปลี ผักกาดหัว กะหล่ำดอก และผักกาดเขียวปลี ที่ล้วนแล้วแต่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์และทดสอบจนได้สายพันธุ์ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกในประเทศไทย และให้ผลิตผลที่ดีมีคุณภาพ
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถซื้อเมล็ดพันธุ์กวางตุ้งดอกลูกผสมนี้ที่ร้านค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วประเทศไทยได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และติดตามข้อมูลสาระการเกษตรเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ www.facebook.com/chiataiseed เว็บไซต์เจียไต๋ www.chiataigroup.com และช่องทางใหม่ที่พร้อมอัปเดตข่าวสารส่งตรงให้ถึงมือคุณ เพียงเพิ่มเพื่อนทาง Line: @CHIATAISEED
#เมล็ดพันธุ์ลูกผสมF1 #เมล็ดพันธุ์เจียไต๋ #เมล็ดพันธุ์F1 #ผักกาดกวางตุ้งผสม #เมล็ดพันธุ์ผักกาดกวางตุ้งลูกผสม #เมล็ดพันธุ์กวางตุ้งลูกผสมเจ้าแรกของไทย